ในโลกปัจจุบัน “ภาษาอังกฤษ” นับเป็นภาษาที่สองของทั่วโลก สังเกตได้จากหลายโรงเรียนในบ้านเราเริ่มมีการปรับโปรแกรมการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษควบคู่ภาษาไทยกันมากขึ้น
ทีนี้ลองจินตนาการดูว่า… ในอนาคต “ภาษาอังกฤษ” จะจำเป็นมากแค่ไหน? กว่าจะถีงวันนั้น วันที่เราใช้ภาษาอังกฤษกันจนเป็นเรื่องปกติ ลูกน้อยของเราน่าจะอยู่ในวัยที่ต้องออกไปเผชิญโลกจริง ต้องออกไปหางานหาอาชีพพอดิบพอดีแล้ว….
คำถามคือ…. แล้วเด็กอายุไม่ถึง 5 ขวบจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้จริงหรือ? วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
เรียนภาษาต่างประเทศตอน 3 ขวบ ?!?!
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยืนยันว่า… ยิ่งอายุน้อย สมองยังอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต สมองจะยิ่งเปิดรับเสียงใหม่และรูปแบบใหม่ เด็กจะสามารถจดจำ และเลียนเสียงใหม่ๆ รวมทั้งออกเสียงได้ดี
ผู้ปกครองสามารถช่วยลูกพัฒนาภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ยังเล็ก เช่น ให้ฟังนิทานภาษาอังกฤษ อ่านป้ายคำศัพท์ หรือเล่นเกมเสริมการเรียนรู้ผ่านแอปที่ออกแบบสำหรับเด็ก
ข้อได้เปรียบของเด็กที่รู้ 2 ภาษา
- การฝึกให้เด็กได้รู้จักกับภาษาที่สอง ถือเป็นวิธีการฝึกสมอง ฝึกสมาธิในการคิดและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างดี นั่นก็เพราะ พวกเขามีประสบการณ์ในการพูดสลับภาษา จึงทำให้เป็นคนที่แก้ปัญหาได้พลิกแพลงกว่าเด็กที่รู้แค่ภาษาเดียวนั่นเอง
- จากผลงานวิจัยยังชี้ว่า… เด็กที่รู้ 2 ภาษา สามารถทำแบบทดสอบไอคิวได้สูงกว่าเพื่อนร่วมชั้นเล็กน้อย รวมทั้งช่วยให้ผลการเรียนโดยรวมของเด็กดีขึ้น สามารถตอบข้อสอบได้ละเอียดมากกว่าเด็กที่รู้แค่ภาษาเดียว นั่นก็เพราะเด็กที่รู้สองภาษาจะมีนิสัยฝึกคิดเชิงวิเคราะห์ตั้งแต่เล็ก จากการเรียนรู้ที่จะฝึกแตกคำออกเป็นส่วนๆ ผ่านการเรียนภาษา
- เด็กที่รู้ 2 ภาษา สามารถเข้าสังคมได้ดีกว่า มีทักษะการสื่อสารที่ดีกว่า สามารถคบเพื่อนได้มากกว่า นั่นก็เพราะพวกเขาได้รับรู้ความต่างทางวัฒนธรรมผ่านการเรียนภาษาร่วมกับเด็กคนอื่นๆ ในชั้นเรียน
- ในอนาคต เด็กที่รู้ 2 ภาษาจะมีปัญหาสมองเสื่อมก่อนวัยน้อยกว่าเด็กที่รู้ภาษาเดียว รวมทั้งมีโอกาสในการหางานทำได้ง่ายกว่าเมื่อพวกเขาโตขึ้น ในปัจจุบัน ภาษาอังกฤษไม่เพียงเป็นภาษาสากลในโลกธุรกิจ แต่ยังช่วยสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล เช่น การเรียน AI, การเขียนโปรแกรม, และการสื่อสารในชุมชนออนไลน์
การฝึกภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ผ่านการดูการ์ตูน หรืออ่านนิทานอย่างเดียวไม่พอ เราควรให้เด็กได้สัมผัสกับภาษาใหม่ในสังคมใหม่ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวเขาเองมากเท่านั้น…
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รายละเอียดคอร์สภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับน้องๆ ผ่านหลักสูตรและอุปกรณ์การเรียนรู้ที่ทันสมัย ออกแบบตามช่วงวัยที่เหมาะสม พร้อมทดสอบทักษะพื้นฐานกับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาโดยตรงกับ Mind Academy
เริ่มเรียนภาษาอังกฤษแบบ Phonics ที่ Mind Academy ช่วยต่อยอดการออกเสียงและการเรียนรู้คำอย่างธรรมชาติ พร้อมกิจกรรมที่สนุกสนาน เช่น การเล่นบทบาทสมมติ หรือเกมพัฒนาภาษาเลียนเสียง
ทำไมเด็กควรเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็ก?
คุณพ่อคุณแม่เคยจินตนาการถึงวันที่ลูกต้องเติบโตและเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองหรือไม่? ไม่ว่าจะในวันสมัครงาน พบปะผู้คนจากประเทศต่างๆ หรือแม้แต่การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคต หนีไม่พ้น “ภาษาอังกฤษ” ซึ่งเป็นพื้นฐานในการติดต่อสื่อสารระดับสากลของโลก
เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุยังน้อย… มีประโยชน์อย่างไร?
ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กหลายท่านลงความเห็นตรงกันว่า วัยเด็กเป็นช่วงเวลาทองของการเรียนรู้สมองด้านภาษา เมื่อสมองยังยืดหยุ่นสูง (Neuroplasticity) การจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ หรือการเลียนเสียงพูดจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายกว่าผู้ใหญ่ และนี่คือ “ข้อได้เปรียบ” ของเด็กที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ยังเล็ก:
- สมองที่พัฒนาพร้อมคิดอย่างยืดหยุ่น:
การเรียนภาษาอังกฤษในวัยเด็กช่วยให้เขาได้ฝึกการคิดเชิงแก้ปัญหา (Problem Solving) เนื่องจากสมองต้องเลือกใช้คำจากสองภาษาหรือมากกว่า เป็นการกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างยืดหยุ่นมากขึ้น - เพิ่มคะแนนเชาวน์ปัญญา (IQ):
งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า เด็กที่เรียนรู้สองภาษามีระดับคะแนน IQ สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ใช้ภาษาเดียว สาเหตุเพราะเขาจะเข้าใจหลักการแตกข้อมูลจากประโยคและวิเคราะห์ได้ดีขึ้น - เสริมทักษะทางสังคม:
เด็กสองภาษาไม่เพียงแค่พูดได้สองภาษาเท่านั้น แต่เขายังได้เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม การทำให้เด็กเข้าสังคมและสื่อสารกับเพื่อนต่างชาติได้ง่ายกว่า - เป็นพื้นฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัล:
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การใช้ภาษาอังกฤษเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น หลักสูตรออนไลน์ โปรแกรม AI หรือการใช้อุปกรณ์ IT ต่างๆ จึงกลายเป็นความจำเป็น
สร้างรากฐานอนาคตสดใสให้ลูกน้อย
การเรียนภาษาอังกฤษไม่เพียงช่วยเพิ่มความพร้อมในการเผชิญโลกกว้าง แต่ยังช่วยให้ลูกพัฒนาทั้งสมองและอารมณ์ การเรียนรู้ตั้งแต่เล็กช่วยลดความกดดันในการเรียนรู้ภายหลัง และเพิ่มโอกาสสร้างพิมพ์เขียวแห่งความสำเร็จของเขาในระยะยาว